การยอมรับในตัวตนของลูก
เป็นปณิธานที่ตั้งขึ้นเองว่าทุกปีจะให้เงินพิเศษกับพ่อแม่และยายเป็นของขวัญปีใหม่ ปีนี้ก็เหมือนทุกๆปีที่ผ่านมา แต่ทั้งที่ควรจะมีความสุขทั้งผู้ให้และผู้รับ มันมีเรื่องที่อาจจะดูเหมือนเล็กน้อย แต่ก็อดทำให้รู้สึกเซ็งนิดๆไม่ได้ พ่อที่ไม่เคยสนับสนุนและรู้สึกดีกับทางเดินที่ลูกคนนี้เลือก ลิขิต และพร้อมที่จะทำงานอย่างหนักเพื่อไปให้ถึงความฝันที่ตั้งไว้ พูดเปรียบทางเดินของน้องกับทางเดิน...ของลูกคนนี้ น้องที่ได้ดั่งใจพ่อในเรื่องการงาน จริงๆมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร เพราะการเลือกที่จะเป็นแกะดำ การเลือกชีวิตที่ลิขิตเองแต่ขัดใจพ่อแม่ ก็ทำให้ทำใจเอาไว้แต่ต้นว่าคงจะไม่มีใครเข้าใจ แล้วก็ไม่ได้รู้สึกน้อยใจ หรืออิจฉาน้องสาวเลยแม้แต่น้อย เพราะการได้เลือกทำในสิ่งที่รัก และมีความสุขกับมันทุกวัน ทำให้ไม่มีความรู้สึกลบๆอย่างนั้นในใจ เพียงแค่อดคิดไม่ได้ว่าเมื่อไหร่ พ่อจะยอมรับในสิ่งที่ลูกคนนี้ได้เลือกและเป็นเสียที
การยอมรับในตัวตนที่แท้จริงของลูกเป็นสิ่งที่สำคัญมากนะคะ ไม่ว่าลูกจะโตแค่ไหน เพราะการไม่ได้รับการยอมรับอย่างแท้จริงจากคนเป็นพ่อเป็นแม่ แม้จะทำให้เราเป็นคนฮึด อึด สู้ชีวิต และไม่ยอมแพ้กับอะไรง่ายๆ เพราะเรารู้ว่าเราต้องต่อสู้ดิ้นรนด้วยตัวเองทุกอย่าง เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีใครให้การสนับสนุน แต่อีกด้านหนึ่งก็กลับทำให้เรารู้สึกโดดเดี่ยวและคิดอยู่เสมอว่าอยู่บนโลกใบนี้คนเดียว
มันจะดีกว่าไหมที่พ่อแม่ทุกคนจะเปิดใจและยอมรับ จะดีกว่าไหมที่ลูกจะรู้สึกว่าพ่อแม่เข้าใจ เพราะเมื่อมีปัญหาอะไรลูกก็อยากที่จะปรึกษา (นานมากแล้วที่ไม่เคยปรึกษาอะไรพ่อแม่เลย ถ้าคุยกันก็จะคุยกันเรื่องอื่น หรือเรื่องทั่วๆไป) จะดีกว่าไหมที่ลูกจะรู้สึกกับพ่อแม่เหมือนเป็นเพื่อนกัน เพราะการเป็นเพื่อนกันนั้นก็หมายความว่าจะไม่มีเส้นบางๆที่ขีดขั้นความสัมพันธ์และความรู้สึกระหว่างกัน บางทีเส้นบางๆที่แบ่งเราเป็นคนละฝ่ายอาจถูกลบออกไปง่ายๆด้วยการยอมรับในตัวตนของกันและกันอย่างแท้จริง เรามาเปิดใจกันเถอะค่ะ อย่างน้อยๆลูกๆจะได้ไม่รู้สึกว่าสู้อยู่ตัวคนเดียวบนโลกใบนี้
เป็นปณิธานที่ตั้งขึ้นเองว่าทุกปีจะให้เงินพิเศษกับพ่อแม่และยายเป็นของขวัญปีใหม่ ปีนี้ก็เหมือนทุกๆปีที่ผ่านมา แต่ทั้งที่ควรจะมีความสุขทั้งผู้ให้และผู้รับ มันมีเรื่องที่อาจจะดูเหมือนเล็กน้อย แต่ก็อดทำให้รู้สึกเซ็งนิดๆไม่ได้ พ่อที่ไม่เคยสนับสนุนและรู้สึกดีกับทางเดินที่ลูกคนนี้เลือก ลิขิต และพร้อมที่จะทำงานอย่างหนักเพื่อไปให้ถึงความฝันที่ตั้งไว้ พูดเปรียบทางเดินของน้องกับทางเดิน...ของลูกคนนี้ น้องที่ได้ดั่งใจพ่อในเรื่องการงาน จริงๆมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร เพราะการเลือกที่จะเป็นแกะดำ การเลือกชีวิตที่ลิขิตเองแต่ขัดใจพ่อแม่ ก็ทำให้ทำใจเอาไว้แต่ต้นว่าคงจะไม่มีใครเข้าใจ แล้วก็ไม่ได้รู้สึกน้อยใจ หรืออิจฉาน้องสาวเลยแม้แต่น้อย เพราะการได้เลือกทำในสิ่งที่รัก และมีความสุขกับมันทุกวัน ทำให้ไม่มีความรู้สึกลบๆอย่างนั้นในใจ เพียงแค่อดคิดไม่ได้ว่าเมื่อไหร่ พ่อจะยอมรับในสิ่งที่ลูกคนนี้ได้เลือกและเป็นเสียที
การยอมรับในตัวตนที่แท้จริงของลูกเป็นสิ่งที่สำคัญมากนะคะ ไม่ว่าลูกจะโตแค่ไหน เพราะการไม่ได้รับการยอมรับอย่างแท้จริงจากคนเป็นพ่อเป็นแม่ แม้จะทำให้เราเป็นคนฮึด อึด สู้ชีวิต และไม่ยอมแพ้กับอะไรง่ายๆ เพราะเรารู้ว่าเราต้องต่อสู้ดิ้นรนด้วยตัวเองทุกอย่าง เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีใครให้การสนับสนุน แต่อีกด้านหนึ่งก็กลับทำให้เรารู้สึกโดดเดี่ยวและคิดอยู่เสมอว่าอยู่บนโลกใบนี้คนเดียว
มันจะดีกว่าไหมที่พ่อแม่ทุกคนจะเปิดใจและยอมรับ จะดีกว่าไหมที่ลูกจะรู้สึกว่าพ่อแม่เข้าใจ เพราะเมื่อมีปัญหาอะไรลูกก็อยากที่จะปรึกษา (นานมากแล้วที่ไม่เคยปรึกษาอะไรพ่อแม่เลย ถ้าคุยกันก็จะคุยกันเรื่องอื่น หรือเรื่องทั่วๆไป) จะดีกว่าไหมที่ลูกจะรู้สึกกับพ่อแม่เหมือนเป็นเพื่อนกัน เพราะการเป็นเพื่อนกันนั้นก็หมายความว่าจะไม่มีเส้นบางๆที่ขีดขั้นความสัมพันธ์และความรู้สึกระหว่างกัน บางทีเส้นบางๆที่แบ่งเราเป็นคนละฝ่ายอาจถูกลบออกไปง่ายๆด้วยการยอมรับในตัวตนของกันและกันอย่างแท้จริง เรามาเปิดใจกันเถอะค่ะ อย่างน้อยๆลูกๆจะได้ไม่รู้สึกว่าสู้อยู่ตัวคนเดียวบนโลกใบนี้